How to Select better rust protection?

คุณจะทำอย่างไรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันสินค้าจากการทำลายโดยสนิม

ปัจจุบันวิธีการป้องกันสนิมที่คุณใช้ประกอบด้วยคุณสมบัติต่อไปนี้หรือไม่?

1.สร้างขอบเขตพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงรวมทั้งหลุมโพรงและรอยแยก?

2.ระยะเวลาการป้องกันสนิมยาวนานมากว่า 2 ปีหรือไม่?

3.สารกันสนิมถูกกำจัดออกได้อย่างง่ายดายหลังส่งมอบถึงมือลูกค้า?

หากคำตอบจากคำถามข้างบนคือ ไม่ นั่นคงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเลือกวิธีการป้องกันสนิมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อการรักษาคุณภาพสินค้าที่ถูกเก็บในบรรจุภัณฑ์ระหว่างการส่งมอบสู่มือลูกค้า

สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา

– ประเภทของวัสดุที่คุณจะเก็บในบรรจุภัณฑ์ (อาจไม่จำเป็นต้องเป็นโลหะเหล็กเสมอไป อาจรวมถึงวัสดุอื่นๆ เช่น ไม้หรือพลาสติกซึ่งเป็นปัญหาของการกัดกร่อนเกิดสนิม
– ขนาดของชิ้นส่วนโลหะที่ต้องการการปกป้องจากสนิม
– การขนส่งและจัดเก็บระหว่างขนส่ง (คำถามนี้สำคัญมาก เพราะมันคือตัวกำหนดว่าคุณควรจะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทไหนรวมถึงวัสดุอุปกรณ์ประกอบต่างๆร่วมกับบรรจุภัณฑ์ในสภาพแวดล้อมที่กำหนด

หลังจากที่คุณรวบรวมข้อมูลจาก 3 ข้อข้างต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเกิดป้องกันการกัดกร่อนเกิดสนิมซึ่งแยกเป็น 2 ประเภทคือ การป้องกันทางกายภาพและการป้องกันด้วยเคมี

ข้อแตกต่างของการป้องกันทางกายภาพและการป้องกันด้วยเคมี

การป้องกันทางกายภาพ คือการกำหนดความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ที่คลอบคลุมและป้องกันไม่ให้พื้นผิวของโลหะสัมผัสกับปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดสนิม
การป้องกันทางเคมี คือการเพิ่มชั้นกำแพงเพื่อสนับสนุนการทำงานทางกายภาพของบรรจุภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น น้ำมัน สารเคลือบผิว อิมัลชัน และสารยับยั้งปฏิกิริยาการกัดกร่อนเกิดสนิม
มีวิธีอะไรที่จะสามารถรวมทั้ง 2 การปกป้องข้างต้นไว้เพียง 1 เดียวได้

ใช่แล้ว!! VCI: Vapor Corrosion Inhibition

บรรจุภัณฑ์ VCI คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะอะไรนะหรือ? ก็เพราะว่า:

การสร้างขอบเขตกั้นชิ้นส่วนโลหะจากสภาพแวดล้อมภายนอก

การปิดกั้นการแพร่กระจายขององค์ประกอบที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดกัดกร่อน

ขัดขวางกระบวนการกัดกร่อนผ่านกระบวนการทางเคมีที่พื้นผิวของโลหะและมีผลให้การกัดกร่อนเกิดขึ้นช้าลง

เพิ่มคุณสมบัติการป้องกันไม่ให้ออกซิเจนและน้ำจากการติดต่อและทะลุผ่านพื้นผิวโลหะ
นอกจาก บรรจุภัณฑ์ VCI แล้วคุณคิดว่ายังมีวิธีใดอีกบ้างที่มีคุณสมบัติมากมายเช่นนี้